การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนทบทวนมัลติมีเดียเรื่อง อนุพันธ์ 2) หาประสิทธิภาพของบทเรียน 3) ศึกษาผลคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ของผู้เรียน ด้วยบทเรียนทบทวนมัลติมีเดียเรื่อง อนุพันธ์ 4) ประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ลงทะเบียนเรียนวิชา MAT 137: คณิตศาสตร์วิศวกรรม 2 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน 2) บทเรียนทบทวนมัลติมีเดีย เรื่อง อนุพันธ์ 3) แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านมัลติมีเดีย 4) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณภาพของบทเรียนทบทวนมัลติมีเดีย เรื่อง อนุพันธ์ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ด้านเนื้อหาอยู่ในเกณฑ์ดี ด้วยค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.29 ทางด้านมัลติมีเดียอยู่ในเกณฑ์ดี ด้วยค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.20 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.20 2) คุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน จากการคำนวณค่าความเชื่อมั่นของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน 20 ได้เท่ากับ 0.58 และ 0.64 ตามลำดับ 3) ผลจากคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ของผู้เรียนเท่ากับ 66.05 แสดงให้เห็นว่า หลังจากที่ผู้เรียนได้ศึกษาบทเรียนทบทวนมัลติมีเดีย เรื่อง อนุพันธ์ แล้วมีพัฒนาการดีขึ้นร้อยละ 66.05 4) ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนทบทวนมัลติมีเดีย เรื่อง อนุพันธ์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.32 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.50 ซึ่งอยู่ในระดับความพึงพอใจมาก

The objectives of this research were: 1) to develop a multimedia review lesson module entitled “Derivatives”, 2) to find the efficiency of the lesson, 3) to study the relative gain score of the learners who utilized the multimedia review lesson module, and 4) to evaluate the satisfaction of the learners with the lesson. In this research, the samples were forty students who enrolled in the course MAT137: Engineering Mathematics II in the first semester of 2014 academic year, at Rangsit University. The research instruments comprised of 1) pretest and posttest for assessing learning achievement, 2) multimedia review lesson module entitled “Derivatives”, 3) evaluation form for assessing content and multimedia quality, and 4) learning satisfaction evaluation form. The results showed that 1) the quality of the content evaluated by three experts was at a good level with the mean of 4.33 and standard deviation of 0.29 and the quality of multimedia was at a good level with the mean of 4.20 and standard deviation of 0.20, 2) the Kuder-Richardson coefficients of reliability for the pretest and posttest were 0.58 and 0.64, respectively, 3) relative gain score of the learners was 66.05 which meant learners were able to achieve higher performance at 66.05% after using the multimedia review lesson module, and 4) the satisfaction of the learners with the lesson wa at a very satisfied level with the mean of 4.32 and standard deviation of 0.50.